วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

นิเทศศิลป์ ม.บูรพา



สวัสดีค่ะ เนื่องจากเป็นบล็อคแนะนำสาขาวิชาพี่จะขอใช้ภาษาพูดนะคะ ก่อนอื่นต้องขอพูดถึงตัวของมหาวิทยาลัยก่อน มหาวิทยาลัยบูรพาตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี เขตแสนสุข  หรือ ที่เรารู้จักในชื่อบางแสนนั่นเอง ถ้าพูดถึงบางแสนแล้วก็จะนึกถึงทะเลเป็นอย่างแรกเลยใช่ไหมละคะ? แต่วันนี้เราจะมาแนะนำ1คณะในมหาวิทยาลัย ก็คือ คณะศิลปกรรมศาสตร์
สำหรับน้องๆที่กำลังจะจบม.6และยังไม่ทราบว่าจะเรียนทางด้านไหน หรือยังไม่รู้จักตัวตนของตัวเองว่ามีความสามารถทางด้านอะไรเหมาะกับการเรียนคณะไหน วันนี้พี่จะมาแนะนำ สาขานิเทศศิลป์ ที่ภายในคณะศิลปกรรมศาสตร์ เราไปรู้จักกับคณะศิลปกรรมศาสตร์กันเลย!!

คณะศิลปกรรมศาสตร์มีทั้งหมด 5 สาขาวิชา

1.สาขาจิตรกรรม
2.สาขากราฟิคอาร์ตและกราฟิคมีเดีย
3.สาขานิเทศศิลป์
4.สาขาออกแบบเซรามิกส์
5.สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์
แต่วันนี้พี่จะมาแนะนำในสาขาวิชานิเทศศิลป์ให้น้องๆได้รู้จักกันนะคะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าสาขาวิชานิเทศศิลป์นั่นแบ่งออกเป็น 3 วิชาเอกด้วยกัน
  • วิชาเอกคอมพิวเตอร์กราฟิก
  • วิชาเอกออกแบบกราฟิกและโฆษณา
  • วิชาเอกโทรทัศน์และดิจิตอลมีเดีย
ำว่า นิเทศศิลป์ (Visual Communication Art) มาจากคำ ในภาษาสันสกฤต จำนวนสองคำมาสมาสกันคือ นิเทศ+ศิลป์ หากจะแปลตามศัพท์ จากพจนานุกรม ก็จะแปลได้ดังนี้
นิเทศ (นิรเทศ,นิทเทศ)น.คำแสดงคำจำแนกออก,ก.ชี้แจง,แสดง,จำแนก,นำเสนศิลป์์ (ศิลปะ) น.ฝีมือทางการช่าง ,การแสดงออกซึ่งอารมณ์ ให้ประจักษ์ ดังใจนึกเมื่อนำมารวมกันก็อาจได้ความหมายดังนี้นิเทศศิลป์์ หมายถึง งานศิลปะเพื่อการชี้แจงแสดง การนำเสนอให้ปรากฎ ในรูปแบบต่างๆผ่านการมองเห็นเป็นสำคัญเพื่อให้เข้าใจชัดเจนขึ้นควรพิจารณาจากรากศํพท์เดิมมาจาก ภาษาอังกฤษ คือ VisualCommunicationArt 

Visual แปลว่า การมองเห็นCommunication แปลว่า การสื่อสาร มาจากคำว่า communis หรือ commones ซึ่งแปลว่า ร่วมกัน หรือเหมือนกัน












เอาล่ะค่ะ ในเมื่อน้องๆรู้ความหมายของนิเทศศิลป์กันแล้ว เรามาทำความเข้าใจกันดีกว่า ว่าเรียนนิเทศศิลป์แล้วได้ประโยชน์อย่างไร สามารถหางานอะไรทำได้บ้าง แล้วแต่ละ3วิชาเอกเรียนแตกต่างกันอย่างไร

โดยพื้นฐานทั้ง3เอกจะเรียนคล้ายๆกันแต่จะเน้นตัววิชาหลักในบางตัว

ก่อนอื่นเราจะมาเริ่มต้นด้วยเอก คอมพิวเตอร์กราฟิคนะคะ
เอกคอมพิวเตอร์การฟิค หรือ เรียกให้เข้าใจอย่างง่ายก็คือ CG
เอกนี้จะเรียนเกี่ยวกับ การทำการ์ตูนอนิเมชั่น 
ในที่นี้หมายถึงการคิดและสร้างคาแคเตอร์การ์ตูนใหม่ๆขึ้นมา รวมถึงการออกแบบการ์ตูนตามที่เราจะออกแบบ และการจะมีการใช้โปรแกรมต่างๆมากมาย มีการปั้นตัวการ์ตูนด้วยโปรแกรมจะเรียกว่าการปั้น MAYA การทำ 3D  ทำเอฟเฟคต่างๆทั้งในการ์ตูน ภาพยนตร์และมิวสิคเพลง 



เอกต่อไปที่พี่จะแนะนำก็คือเอกออกแบบกราฟิกและโฆษณา

เอกนี้จะเรียนอีกอย่างง่ายๆว่า เรขศิลป์ รายละเอียดของเอกนี้ 
คือการเรียนเกี่ยวกับโฆษณา เป็นการออกแบบภาพโฆษณาต่างๆ 
หรือที่เรียกว่า Graphic design เอกนี้ต้องมีหัวคิดสร้างสรรค์หากน้องๆคนไหนมีหัวด้านการออกแบบ เอกนี้เหมาะมากเลยค่ะ




เอกสุดท้ายที่พี่จะพูดถึงคือเอก โทรทัศน์และดิจิตอลมีเดีย 
เป็นเอกที่ทำทุกอย่างในการทำเบื้องหลังต่างๆของภาพยนตร์   
ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อวีดิโอ เซทฉาก 
หาโลเคชั่นหรือสถานที่ถ่ายทำ 
ใส่เสียงประกอบ ทำเอฟเฟคให้หนังดูมีความน่าสนใจมากขึ้น 
ขั้นตอนการทำออกแบบภาพยนตร์มุมกล้องต่างๆ เทคนิคการใช้โปรแกรมตัดต่อ 
คือพี่จะอธิบายอย่างง่ายก็คือ เรียนทุกอย่าง
ที่เป็นเกี่ยวกับภาพยนตร์ 
นอกจากเอกนี้จะเรียนเกี่ยวกับภาพยนตร์แล้วยังมีการเรียนการสอน
เกี่ยวกับการถ่ายภาพนิ่ง อีกด้วย 
โดยหลักสูตรจะสอนการปรับค่ากล้อง 
แสงและเงาในการถ่าย


อาชีพการงานเมื่อเรียบจบ
พี่จะพูดเรื่องการเตรียมตัวสอบ พี่คิดว่าการทำความรู้จักกับสาขา
ที่เรากำลังจะเรียนเป็นสิ่งที่ควรรู้ก่อนดังนั้นพี่ก็จะเล่าหน้าที่การงานให้ฟังว่า จบไปสามารถทำอะไรได้บ้างอาชีพของพวกเราคล้ายๆกับว่าปิดทองหลังพระ และดูเหมือนว่าจะมีรากฐานฝังลึก
อยู่กับผู้ใหญ่ที่มีช่วงอายุประมาณ 45-60 ว่า พวกเราเป็นศิลปินใส้แห้ง วันๆวาดรูปและรับเขียนป้าย ทำงานโรงพิมพ์ดังนั้นพี่ก็จะขอเล่าให้ฟังละกัน จะได้ไปอธิบายให้อาก๋งอาม่า หรือป่าป๊าหม่าม๊าเข้าใจได้มากขึ้นว่าเราจะจบไปทำอะไรได้บ้างใส้แห้งจริงหรือไม่
จากประสบการณ์การทำงานของรุ่นพี่ อาชีพการงานของสายนี้จะแยกออกเป็น 3 สายหลักๆคือจริงๆแล้วคนอื่นอาจจะไม่ได้แบ่งแบบนี้

1. สาย Creative เน้นคิดงาน และสร้างสรรค์ในสิ่งใหม่ๆ สนุกๆมันส์ๆ
2. สาย Production เน้นทำงานผลิตงาน เป็นผู้มีฝีมือและทักษะการ Present เป็นเยี่ยม หาตัวจับยากและมีคิวจองให้ทำ จองยาวข้ามปี
3. สาย IT และมัลติมีเดีย


มาเริ่มกันที่ครีเอทีฟ (Creative) กันก่อนนะ
สายนี้ก็โดยมากจะอยู่ตามเอเยนซี่โฆษณา (Advertising Agency) ซึ่งการที่จะเข้าเป็นครีเอทีฟในบริษัทโฆษณานั้นค่อนข้างยาก
และต้องผ่านการคัดตัวและเวทีประกวดงานระดับมหาวิทยาลัยอย่าง B.A.D (Bangkok Advertising Association) มาบ้างแล้ว
หรือไม่ก็เป็นผู้มีไอเดียแหวกแนวตลอดเวลาในเอเยนซี่ก็จะแยกออกครีเอทีฟออกเป็นสองประเภทคือ

- อาร์ตไดเรกเตอร์ (art director)เป็นอาชีพที่จัดว่า 
เก๋ไก๋สไลด์เดอร์มากๆ มีคนอยากเป็นมากแต่ตำแหน่งน้อยนิดไม่ค่อยจะรับใครใหม่ๆเท่าไหร่ เพราะเงินเดือนดี แต่ทำงานหนักบางทีก็กลับบ้านตีสองตีสาม หรือข้ามคืนก็เคยมี อาร์ตไดเรกเตอร์เค้าจะทำงานเป็นคนคิดโฆษณาทางสิ่งพิมพ์ ทำบิลบอร์ดเก๋ๆ ยกตัวอย่างเช่นเบียร์ไฮเนเก้นที่จะมีอะไรเก๋ๆออกมาตลอดเวลาและที่เป็นไฮไลท์คือต้องคิดหนังโฆษณาทีวี (TVC) ช่วงเวลาที่คิดหนังนี่แหละมันส์ที่สุด จะมีแก๊กตลกๆ เจ็บๆ ซึ้งๆออกมาเยอะแยะแล้วแต่โจทย์ที่ลูกค้าให้
อาร์ตไดไม่ได้เป็นคนคิดคนเดียวเค้าจะต้องคิดงานคู่กับก๊อปป้ไรท์เตอร์(copywriter) ที่จบมาทางสายนิเทศศาสตร์นั่นแหละ ทำงานคู่กันเสมอๆ แยกกันไม่ออกอาร์ตไดจะต้องออกไปกับกองถ่ายฯ จะต้องคุยกับผู้กำกับเพื่อแลกไอเดียอันบรรเจิด และคุยกะช่างภาพมือฉกาจเพื่อทำให้งานออกมาดี  อาร์ตไดจะต้องควบคุมทุกๆอย่างเพื่อให้งานชิ้นนึงออกมาได้ดีและสมบูรณ์ที่สุดเหมือนกับที่ไปโม้ไว้กับลูกค้าในวันขาย Sketch งานครั้งแรกที่ีสำคัญคืออาร์ตได จะมีการอัพค่าตัวขึ้นไปได้อีกจากการหมั่นคิดงานดีๆส่งประกวด ซึ่งเวทีสำหรับคนโฆษณาก็มี B.A.D Awards (Bangkok Advertising Association) หรือ Adman หรือเวทีเก่าแบบTACT Awards และเวทีระดับเอเชียที่มีการจัดกันที่พัทยาทุกปีอย่าง AD FEST Asia หรืองานใหญ่แถบภูมิภาคแบบ Media Asian หรืองานระดับโลกอย่าง Cannes Lions หรือฝั่ง U.K คือ D&AD หรือฝั่งอเมริกาแบบ CILO Awards เป็นต้นการเตรียมตัวเป็นอาร์ตไดเรกเตอร์ก็ต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบติดตามข่าวสารวงการออกแบบและโฆษณา ชอบดูโฆษณาและต้องหมั่นประกวดงานเพื่อพัฒนาความคิด และสะสม portfolio ที่ดีๆไว้ตอนสมัครงานและที่สำคัญช่วงฝึกงานพยายยามหาทางเข้าไปฝึกในเอเยนซี่ให้ได้

- กราฟฟิคดีไซน์เนอร์ (Graphic Designer) เป็นอาชีพที่ยังสามารถแยกออกเป็นหลายหมวดอีกในที่นี้พี่จะขอแยกออกเป็นสองอย่างละกันค่ะ คือ graphic ที่ทำงานอยู่ในบริษัโฆษณา และgraphic ที่ทำงานอยู่ตาม graphic house จะพูดถึงพวกแรก พวกนี้จะทำงานคล้ายกับอาร์ตได แต่จะกระจุกกระจิกและต้องทำพวก product หรือ package ด้วยเป็นบางครั้ง ซึ่งก็สนุกไปอีกแบบนึงลักษณะของ
กราฟฟิคจะคล้ายับอาร์ตไดแต่จะต่างกันตรงที่ไม่ต้องคิดหนังทำหนัง
แต่พวกนี้จะลงลึกไปทางออกแบบสื่อต่างๆเช่นงาน exhibits หรืองานสิ่งพิมพ์ หรือเวบมัลติมีเดียสำหรับกราฟฟิคโดยเฉพาะบริษัทโฆษณาต้องออกไปนอกสถานที่บ่อยๆ ออกไปหาลูกค้าออกไปกำกับช่างภาพ ออกไปทำรีทัชภาพ และสุดท้ายควบคุมการออก Artwork ให้ลูกค้า
ซึ่งสนุกมากๆ ทำให้เราไม่หยุดนิ่ง ได้เจอคน ได้เจออะไรใหม่ๆตลอดเวลาสำหรับการเตรียมตัวเป็นกราฟฟิค ขึ้นอยู่กับเว่าเราจะสมัครในบริษัทโฆษณาหรือเปล่า ถ้าอยากก็ต้องดูให้ดีเพราะบริษัทโฆษณาบางที่ก็มีโครงสร้างให้กราฟฟิคทำงาน support art director 
ซึ่งพี่ไม่แนะนำให้ทำบริษัทแบบนี้ ลองหาบริษัทที่มี Graphic ที่แยกทีมออกมาต่างหากจะดีกว่าหรือถ้าเราอยากเข้ากราฟฟิคเฮาส์ก็ลองศึกษาว่าบริษัทที่เราจะเข้านี่มีชื่อเสียงในวงการออกแบบหรือเปล่า 
ของประเทศไทยก็มีที่ดีๆน่าทำอยู่หลายที่เหมือนกันค่ะ



สายโปรดักชั่น  นี้โดยมาก็จะทำงานให้กับเอเยนซี่ (Agency) 
เสียส่วนมาก โปรดักชั่นนี้ก็ยังแยกออกได้ย่อยๆอีกคือ
Image Retoucher / Photographer (ตกแต่งภาพและช่างภาพ)
Editing Studio (สตูดิโอตัดต่อ)
Animation Studio (สตูดิโอทำอนิเมชั่น)
Illustrator Artist (นักเขียนและออกแบบภาพประกอบเรื่อง)
ตอนนี้ฟังดูอาจจะยังงงๆเอาเป็นว่าสาขาที่ย่อยมากๆ
พี่ขอข้ามไปก่อนละกัน ทีนี้ก็มาถึงตำแหน่งหน้าที่การงานว่าจะทำอะไรได้บ้าง

ในสายงานทางด้านโปรดักต์ชั่นเฮาส์

- Computer Artist ที่ทำงานกับบริษัทรีทัชภาพ
ขอเล่าก่อนละกันว่ารีทัชภาพนี่ไม่ใช่แค่ตกแต่งภาพ
ตามร้านถ่ายรูปมันไม่ใช่แค่นั้น งานของบริษัทโฆษณาที่ออกเป็นอาร์ตเวิร์คในแต่ละวันนั้นมหาศาล การที่จะต้องมีคนที่ทำหน้าที่นี่หรือเรียกว่า 
รีทัชเชอร์(Retoucher) ซึ่งรีทัชเชอร์จะทำหน้าทีตกแต่งภาพตามที่อาร์ไดเรกเตอร์ หรือกราฟฟิคทำมาให้ ซึ่งเราจะเห็นได้อย่างง่ายๆก็คือพวกโปสเตอร์หนัง หรืองานโฆษณาตามหนังสือพิมพ์ 
งานพวกนี้ไม่ใช่มีค่าตอบแทนน้อยๆเพราะคนที่จะทำงานทางด้านนี้ได้จะต้องมีผู้มีความรู็ทางด้าน Drawing มากพอสมควรจึงจะสามารถ
ตกแต่งภาพออกมาได้อย่างสมจริง 
สายงานทางด้านนี้กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ มีงานจากต่างประเทศเข้ามาให้ทำเป็นจำนวนมาก
เพราะปัจจุบันการถ่ายภาพงานโฆษณาได้เปลี่ยนไปเป็นระบบดิจิตอลหมดแล้วค่ะดังนั้นงานถ่ายภาพเมื่อถ่ายเสร็จเค้าก็จะต้องไปทำให้สวยที่สุดดังนั้นก็ไม่พ้นพวก Retouch House ปัจจุบันในประเทศไทยที่ดังๆมีอยู่ประมาณเกือบ 10 ที่ มีสตูดิโอถ่ายภาพ
มีพนักงานมากกว่า 50 คนในบางแห่ง



สุดท้ายที่จะพูดก็จะเป็นสายงานไฮเทค แน่นอน ต้องอยู่กับคอมพิวเตอร์ทั้งวันแน่ๆคนที่จะทำงานทางด้านนี้จะต้องเป็นผู้ที่ไม่รังเกียจคอมพิวเตอร์ ต้องมีความเชี่ยวชาญและพอรู้เรื่องโปรแกรมบ้างเล็กๆน้อยๆ สำหรับสายงานทางด้านนี้ เวลาน้องจะเข้าไปทำ
ก็ควรจะลองๆสืบดูว่า งานหรือบริษัทที่เรากำลังจะไปทำเค้าเน้นทางด้านไหน บางที่เน้นโปรแกรมมิ่ง บางที่เน้นออกแบบ เน้นไอเดีย บางที่เน้นเท่ากัน ก็ลองเลือกดูนะว่าเราอยากทำงานที่เน้นไปทางด้านไหน ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเราเป็นหลัก
Multimedia Designer / Web Graphic Designer / Interface Designer
สามคำข้างบนก็พอจะครอบคลุมได้พอสมควรแล้ว
จริงๆยังมีอีกเยอะลักษณะการทำงานก็แล้วแต่บริษัทที่เราจะไปสมัคร 
คนที่ออกแบบทางสาย IT นี้จะไม่ค่อยมีผู้ช่วยแบบสายโฆษณา เราจะต้องปิดงานด้วยตัวเองในบางครั้ง อย่างเช่นถ้าเราทำ FLASH
เราก็ต้องปิดงานด้วยตัวเอง ไม่มี Artist มาปิดงานให้เรา
แบบสายงานโฆษณาคนที่จะทำงานสายนี้จะต้องมีความสามารถทั้งเรื่อง ภาพยนตร์ การทำอนิเมชั่น การตัดต่อเสียงและโปรแกรมมิ่ง

พี่ก็นำงานมาให้ดูเป็นแนวทางว่าน้องๆอยากเลือกเรียนอะไร
เอกไหนเรียนทำงานออกมาเป็นแนวไหน



ตัวอย่างงาน เอกคอมพิวเตอร์กราฟิค











ตัวอย่างงานเอก คอมพิวเตอร์กราฟิคและโฆษณา




















ตัวอย่างเอก โทรทัศน์และดิจิตอลมีเดย











สุดท้ายที่พี่จะบอกก็คืออยากให้น้องๆทุกคนมีความตั้งใจในทุกสิ่งที่ค่ะเพื่อการศึกษาต่อไป ถ้าหากเป็นสิ่งที่เราชอบจริงๆเราก็ควรทำมันให้เต็มที่ค่ะสำหรับน้องๆที่กำลังจะสอบก็เตรียมตัวมาดีดี แล้วก็ขอให้ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของคณะนี้นะคะ


3 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. ค่าเทอมนี่ประมานเท่าไหร่คะคณะนี้สนใจมากค่ะเเต่หารายละเอียดไม่เจอ

    ตอบลบ
  3. Casinos that accept players from Australia - DrMCD
    Best casinos 시흥 출장마사지 accepting 구리 출장마사지 players from 성남 출장샵 Australia · 서귀포 출장안마 1. Ignition Casino · 2. BetVictor Casino · 춘천 출장샵 3. William Hill Casino · 4. 888casino · 5.

    ตอบลบ