สำหรับน้องๆที่กำลังจะจบม.6และยังไม่ทราบว่าจะเรียนทางด้านไหน หรือยังไม่รู้จักตัวตนของตัวเองว่ามีความสามารถทางด้านอะไรเหมาะกับการเรียนคณะไหน วันนี้พี่จะมาแนะนำ สาขานิเทศศิลป์ ที่ภายในคณะศิลปกรรมศาสตร์ เราไปรู้จักกับคณะศิลปกรรมศาสตร์กันเลย!!
คณะศิลปกรรมศาสตร์มีทั้งหมด 5 สาขาวิชา
1.สาขาจิตรกรรม
2.สาขากราฟิคอาร์ตและกราฟิคมีเดีย
3.สาขานิเทศศิลป์
4.สาขาออกแบบเซรามิกส์
5.สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์
แต่วันนี้พี่จะมาแนะนำในสาขาวิชานิเทศศิลป์ให้น้องๆได้รู้จักกันนะคะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าสาขาวิชานิเทศศิลป์นั่นแบ่งออกเป็น 3 วิชาเอกด้วยกัน
- วิชาเอกคอมพิวเตอร์กราฟิก
- วิชาเอกออกแบบกราฟิกและโฆษณา
- วิชาเอกโทรทัศน์และดิจิตอลมีเดีย
นิเทศ (นิรเทศ,นิทเทศ)น.คำแสดงคำจำแนกออก,ก.ชี้แจง,แสดง,จำแนก,นำเสนอศิลป์์ (ศิลปะ) น.ฝีมือทางการช่าง ,การแสดงออกซึ่งอารมณ์ ให้ประจักษ์ ดังใจนึกเมื่อนำมารวมกันก็อาจได้ความหมายดังนี้นิเทศศิลป์์ หมายถึง งานศิลปะเพื่อการชี้แจงแสดง การนำเสนอให้ปรากฎ ในรูปแบบต่างๆผ่านการมองเห็นเป็นสำคัญเพื่อให้เข้าใจชัดเจนขึ้นควรพิจารณาจากรากศํพท์เดิมมาจาก ภาษาอังกฤษ คือ VisualCommunicationArt
Visual แปลว่า การมองเห็นCommunication แปลว่า การสื่อสาร มาจากคำว่า communis หรือ commones ซึ่งแปลว่า ร่วมกัน หรือเหมือนกัน
เอาล่ะค่ะ ในเมื่อน้องๆรู้ความหมายของนิเทศศิลป์กันแล้ว เรามาทำความเข้าใจกันดีกว่า ว่าเรียนนิเทศศิลป์แล้วได้ประโยชน์อย่างไร สามารถหางานอะไรทำได้บ้าง แล้วแต่ละ3วิชาเอกเรียนแตกต่างกันอย่างไร
โดยพื้นฐานทั้ง3เอกจะเรียนคล้ายๆกันแต่จะเน้นตัววิชาหลักในบางตัว
ก่อนอื่นเราจะมาเริ่มต้นด้วยเอก คอมพิวเตอร์กราฟิคนะคะ
เอกคอมพิวเตอร์การฟิค หรือ เรียกให้เข้าใจอย่างง่ายก็คือ CG
เอกนี้จะเรียนเกี่ยวกับ การทำการ์ตูนอนิเมชั่น
ในที่นี้หมายถึงการคิดและสร้างคาแคเตอร์การ์ตูนใหม่ๆขึ้นมา รวมถึงการออกแบบการ์ตูนตามที่เราจะออกแบบ และการจะมีการใช้โปรแกรมต่างๆมากมาย มีการปั้นตัวการ์ตูนด้วยโปรแกรมจะเรียกว่าการปั้น MAYA การทำ 3D ทำเอฟเฟคต่างๆทั้งในการ์ตูน ภาพยนตร์และมิวสิคเพลง
ในที่นี้หมายถึงการคิดและสร้างคาแคเตอร์การ์ตูนใหม่ๆขึ้นมา รวมถึงการออกแบบการ์ตูนตามที่เราจะออกแบบ และการจะมีการใช้โปรแกรมต่างๆมากมาย มีการปั้นตัวการ์ตูนด้วยโปรแกรมจะเรียกว่าการปั้น MAYA การทำ 3D ทำเอฟเฟคต่างๆทั้งในการ์ตูน ภาพยนตร์และมิวสิคเพลง
เอกต่อไปที่พี่จะแนะนำก็คือเอกออกแบบกราฟิกและโฆษณา
เอกนี้จะเรียนอีกอย่างง่ายๆว่า เรขศิลป์ รายละเอียดของเอกนี้
คือการเรียนเกี่ยวกับโฆษณา เป็นการออกแบบภาพโฆษณาต่างๆ
หรือที่เรียกว่า Graphic design เอกนี้ต้องมีหัวคิดสร้างสรรค์หากน้องๆคนไหนมีหัวด้านการออกแบบ เอกนี้เหมาะมากเลยค่ะ
เอกสุดท้ายที่พี่จะพูดถึงคือเอก โทรทัศน์และดิจิตอลมีเดีย
เป็นเอกที่ทำทุกอย่างในการทำเบื้องหลังต่างๆของภาพยนตร์
ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อวีดิโอ เซทฉาก
หาโลเคชั่นหรือสถานที่ถ่ายทำ
เป็นเอกที่ทำทุกอย่างในการทำเบื้องหลังต่างๆของภาพยนตร์
ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อวีดิโอ เซทฉาก
หาโลเคชั่นหรือสถานที่ถ่ายทำ
ใส่เสียงประกอบ ทำเอฟเฟคให้หนังดูมีความน่าสนใจมากขึ้น
ขั้นตอนการทำออกแบบภาพยนตร์มุมกล้องต่างๆ เทคนิคการใช้โปรแกรมตัดต่อ
คือพี่จะอธิบายอย่างง่ายก็คือ เรียนทุกอย่าง
ขั้นตอนการทำออกแบบภาพยนตร์มุมกล้องต่างๆ เทคนิคการใช้โปรแกรมตัดต่อ
คือพี่จะอธิบายอย่างง่ายก็คือ เรียนทุกอย่าง
นอกจากเอกนี้จะเรียนเกี่ยวกับภาพยนตร์แล้วยังมีการเรียนการสอน
เกี่ยวกับการถ่ายภาพนิ่ง อีกด้วย
โดยหลักสูตรจะสอนการปรับค่ากล้อง
แสงและเงาในการถ่าย
อาชีพการงานเมื่อเรียบจบ
พี่จะพูดเรื่องการเตรียมตัวสอบ พี่คิดว่าการทำความรู้จักกับสาขา
ที่เรากำลังจะเรียนเป็นสิ่งที่ควรรู้ก่อนดังนั้นพี่ก็จะเล่าหน้าที่การงานให้ฟังว่า จบไปสามารถทำอะไรได้บ้างอาชีพของพวกเราคล้ายๆกับว่าปิดทองหลังพระ และดูเหมือนว่าจะมีรากฐานฝังลึก
อยู่กับผู้ใหญ่ที่มีช่วงอายุประมาณ 45-60 ว่า พวกเราเป็นศิลปินใส้แห้ง วันๆวาดรูปและรับเขียนป้าย ทำงานโรงพิมพ์ดังนั้นพี่ก็จะขอเล่าให้ฟังละกัน จะได้ไปอธิบายให้อาก๋งอาม่า หรือป่าป๊าหม่าม๊าเข้าใจได้มากขึ้นว่าเราจะจบไปทำอะไรได้บ้างใส้แห้งจริงหรือไม่
จากประสบการณ์การทำงานของรุ่นพี่ อาชีพการงานของสายนี้จะแยกออกเป็น 3 สายหลักๆคือจริงๆแล้วคนอื่นอาจจะไม่ได้แบ่งแบบนี้
1. สาย Creative เน้นคิดงาน และสร้างสรรค์ในสิ่งใหม่ๆ สนุกๆมันส์ๆ
2. สาย Production เน้นทำงานผลิตงาน เป็นผู้มีฝีมือและทักษะการ Present เป็นเยี่ยม หาตัวจับยากและมีคิวจองให้ทำ จองยาวข้ามปี
3. สาย IT และมัลติมีเดีย
2. สาย Production เน้นทำงานผลิตงาน เป็นผู้มีฝีมือและทักษะการ Present เป็นเยี่ยม หาตัวจับยากและมีคิวจองให้ทำ จองยาวข้ามปี
3. สาย IT และมัลติมีเดีย
มาเริ่มกันที่ครีเอทีฟ (Creative) กันก่อนนะ
สายนี้ก็โดยมากจะอยู่ตามเอเยนซี่โฆษณา (Advertising Agency) ซึ่งการที่จะเข้าเป็นครีเอทีฟในบริษัทโฆษณานั้นค่อนข้างยาก
และต้องผ่านการคัดตัวและเวทีประกวดงานระดับมหาวิทยาลัยอย่าง B.A.D (Bangkok Advertising Association) มาบ้างแล้ว
หรือไม่ก็เป็นผู้มีไอเดียแหวกแนวตลอดเวลาในเอเยนซี่ก็จะแยกออกครีเอทีฟออกเป็นสองประเภทคือ
และต้องผ่านการคัดตัวและเวทีประกวดงานระดับมหาวิทยาลัยอย่าง B.A.D (Bangkok Advertising Association) มาบ้างแล้ว
หรือไม่ก็เป็นผู้มีไอเดียแหวกแนวตลอดเวลาในเอเยนซี่ก็จะแยกออกครีเอทีฟออกเป็นสองประเภทคือ
- อาร์ตไดเรกเตอร์ (art director)เป็นอาชีพที่จัดว่า
เก๋ไก๋สไลด์เดอร์มากๆ มีคนอยากเป็นมากแต่ตำแหน่งน้อยนิดไม่ค่อยจะรับใครใหม่ๆเท่าไหร่ เพราะเงินเดือนดี แต่ทำงานหนักบางทีก็กลับบ้านตีสองตีสาม หรือข้ามคืนก็เคยมี อาร์ตไดเรกเตอร์เค้าจะทำงานเป็นคนคิดโฆษณาทางสิ่งพิมพ์ ทำบิลบอร์ดเก๋ๆ ยกตัวอย่างเช่นเบียร์ไฮเนเก้นที่จะมีอะไรเก๋ๆออกมาตลอดเวลาและที่เป็นไฮไลท์คือต้องคิดหนังโฆษณาทีวี (TVC) ช่วงเวลาที่คิดหนังนี่แหละมันส์ที่สุด จะมีแก๊กตลกๆ เจ็บๆ ซึ้งๆออกมาเยอะแยะแล้วแต่โจทย์ที่ลูกค้าให้
อาร์ตไดไม่ได้เป็นคนคิดคนเดียวเค้าจะต้องคิดงานคู่กับก๊อปป้ไรท์เตอร์(copywriter) ที่จบมาทางสายนิเทศศาสตร์นั่นแหละ ทำงานคู่กันเสมอๆ แยกกันไม่ออกอาร์ตไดจะต้องออกไปกับกองถ่ายฯ จะต้องคุยกับผู้กำกับเพื่อแลกไอเดียอันบรรเจิด และคุยกะช่างภาพมือฉกาจเพื่อทำให้งานออกมาดี อาร์ตไดจะต้องควบคุมทุกๆอย่างเพื่อให้งานชิ้นนึงออกมาได้ดีและสมบูรณ์ที่สุดเหมือนกับที่ไปโม้ไว้กับลูกค้าในวันขาย Sketch งานครั้งแรกที่ีสำคัญคืออาร์ตได จะมีการอัพค่าตัวขึ้นไปได้อีกจากการหมั่นคิดงานดีๆส่งประกวด ซึ่งเวทีสำหรับคนโฆษณาก็มี B.A.D Awards (Bangkok Advertising Association) หรือ Adman หรือเวทีเก่าแบบTACT Awards และเวทีระดับเอเชียที่มีการจัดกันที่พัทยาทุกปีอย่าง AD FEST Asia หรืองานใหญ่แถบภูมิภาคแบบ Media Asian หรืองานระดับโลกอย่าง Cannes Lions หรือฝั่ง U.K คือ D&AD หรือฝั่งอเมริกาแบบ CILO Awards เป็นต้นการเตรียมตัวเป็นอาร์ตไดเรกเตอร์ก็ต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบติดตามข่าวสารวงการออกแบบและโฆษณา ชอบดูโฆษณาและต้องหมั่นประกวดงานเพื่อพัฒนาความคิด และสะสม portfolio ที่ดีๆไว้ตอนสมัครงานและที่สำคัญช่วงฝึกงานพยายยามหาทางเข้าไปฝึกในเอเยนซี่ให้ได้
- กราฟฟิคดีไซน์เนอร์ (Graphic Designer) เป็นอาชีพที่ยังสามารถแยกออกเป็นหลายหมวดอีกในที่นี้พี่จะขอแยกออกเป็นสองอย่างละกันค่ะ คือ graphic ที่ทำงานอยู่ในบริษัโฆษณา และgraphic ที่ทำงานอยู่ตาม graphic house จะพูดถึงพวกแรก พวกนี้จะทำงานคล้ายกับอาร์ตได แต่จะกระจุกกระจิกและต้องทำพวก product หรือ package ด้วยเป็นบางครั้ง ซึ่งก็สนุกไปอีกแบบนึงลักษณะของ
กราฟฟิคจะคล้ายับอาร์ตไดแต่จะต่างกันตรงที่ไม่ต้องคิดหนังทำหนัง
แต่พวกนี้จะลงลึกไปทางออกแบบสื่อต่างๆเช่นงาน exhibits หรืองานสิ่งพิมพ์ หรือเวบมัลติมีเดียสำหรับกราฟฟิคโดยเฉพาะบริษัทโฆษณาต้องออกไปนอกสถานที่บ่อยๆ ออกไปหาลูกค้าออกไปกำกับช่างภาพ ออกไปทำรีทัชภาพ และสุดท้ายควบคุมการออก Artwork ให้ลูกค้า
ซึ่งสนุกมากๆ ทำให้เราไม่หยุดนิ่ง ได้เจอคน ได้เจออะไรใหม่ๆตลอดเวลาสำหรับการเตรียมตัวเป็นกราฟฟิค ขึ้นอยู่กับเว่าเราจะสมัครในบริษัทโฆษณาหรือเปล่า ถ้าอยากก็ต้องดูให้ดีเพราะบริษัทโฆษณาบางที่ก็มีโครงสร้างให้กราฟฟิคทำงาน support art director
ซึ่งสนุกมากๆ ทำให้เราไม่หยุดนิ่ง ได้เจอคน ได้เจออะไรใหม่ๆตลอดเวลาสำหรับการเตรียมตัวเป็นกราฟฟิค ขึ้นอยู่กับเว่าเราจะสมัครในบริษัทโฆษณาหรือเปล่า ถ้าอยากก็ต้องดูให้ดีเพราะบริษัทโฆษณาบางที่ก็มีโครงสร้างให้กราฟฟิคทำงาน support art director
ซึ่งพี่ไม่แนะนำให้ทำบริษัทแบบนี้ ลองหาบริษัทที่มี Graphic ที่แยกทีมออกมาต่างหากจะดีกว่าหรือถ้าเราอยากเข้ากราฟฟิคเฮาส์ก็ลองศึกษาว่าบริษัทที่เราจะเข้านี่มีชื่อเสียงในวงการออกแบบหรือเปล่า
ของประเทศไทยก็มีที่ดีๆน่าทำอยู่หลายที่เหมือนกันค่ะ
ของประเทศไทยก็มีที่ดีๆน่าทำอยู่หลายที่เหมือนกันค่ะ
สายโปรดักชั่น นี้โดยมาก็จะทำงานให้กับเอเยนซี่ (Agency)
เสียส่วนมาก โปรดักชั่นนี้ก็ยังแยกออกได้ย่อยๆอีกคือ
เสียส่วนมาก โปรดักชั่นนี้ก็ยังแยกออกได้ย่อยๆอีกคือ
Image Retoucher / Photographer (ตกแต่งภาพและช่างภาพ)
Editing Studio (สตูดิโอตัดต่อ)
Animation Studio (สตูดิโอทำอนิเมชั่น)
Illustrator Artist (นักเขียนและออกแบบภาพประกอบเรื่อง)
ตอนนี้ฟังดูอาจจะยังงงๆเอาเป็นว่าสาขาที่ย่อยมากๆพี่ขอข้ามไปก่อนละกัน ทีนี้ก็มาถึงตำแหน่งหน้าที่การงานว่าจะทำอะไรได้บ้าง
ในสายงานทางด้านโปรดักต์ชั่นเฮาส์
Editing Studio (สตูดิโอตัดต่อ)
Animation Studio (สตูดิโอทำอนิเมชั่น)
Illustrator Artist (นักเขียนและออกแบบภาพประกอบเรื่อง)
ตอนนี้ฟังดูอาจจะยังงงๆเอาเป็นว่าสาขาที่ย่อยมากๆพี่ขอข้ามไปก่อนละกัน ทีนี้ก็มาถึงตำแหน่งหน้าที่การงานว่าจะทำอะไรได้บ้าง
ในสายงานทางด้านโปรดักต์ชั่นเฮาส์
- Computer Artist ที่ทำงานกับบริษัทรีทัชภาพ
ขอเล่าก่อนละกันว่ารีทัชภาพนี่ไม่ใช่แค่ตกแต่งภาพตามร้านถ่ายรูปมันไม่ใช่แค่นั้น งานของบริษัทโฆษณาที่ออกเป็นอาร์ตเวิร์คในแต่ละวันนั้นมหาศาล การที่จะต้องมีคนที่ทำหน้าที่นี่หรือเรียกว่า
รีทัชเชอร์(Retoucher) ซึ่งรีทัชเชอร์จะทำหน้าทีตกแต่งภาพตามที่อาร์ไดเรกเตอร์ หรือกราฟฟิคทำมาให้ ซึ่งเราจะเห็นได้อย่างง่ายๆก็คือพวกโปสเตอร์หนัง หรืองานโฆษณาตามหนังสือพิมพ์
งานพวกนี้ไม่ใช่มีค่าตอบแทนน้อยๆเพราะคนที่จะทำงานทางด้านนี้ได้จะต้องมีผู้มีความรู็ทางด้าน Drawing มากพอสมควรจึงจะสามารถ
ตกแต่งภาพออกมาได้อย่างสมจริง สายงานทางด้านนี้กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ มีงานจากต่างประเทศเข้ามาให้ทำเป็นจำนวนมาก
ตกแต่งภาพออกมาได้อย่างสมจริง สายงานทางด้านนี้กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ มีงานจากต่างประเทศเข้ามาให้ทำเป็นจำนวนมาก
เพราะปัจจุบันการถ่ายภาพงานโฆษณาได้เปลี่ยนไปเป็นระบบดิจิตอลหมดแล้วค่ะดังนั้นงานถ่ายภาพเมื่อถ่ายเสร็จเค้าก็จะต้องไปทำให้สวยที่สุดดังนั้นก็ไม่พ้นพวก Retouch House ปัจจุบันในประเทศไทยที่ดังๆมีอยู่ประมาณเกือบ 10 ที่ มีสตูดิโอถ่ายภาพ
มีพนักงานมากกว่า 50 คนในบางแห่ง
สุดท้ายที่จะพูดก็จะเป็นสายงานไฮเทค แน่นอน ต้องอยู่กับคอมพิวเตอร์ทั้งวันแน่ๆคนที่จะทำงานทางด้านนี้จะต้องเป็นผู้ที่ไม่รังเกียจคอมพิวเตอร์ ต้องมีความเชี่ยวชาญและพอรู้เรื่องโปรแกรมบ้างเล็กๆน้อยๆ สำหรับสายงานทางด้านนี้ เวลาน้องจะเข้าไปทำ
ก็ควรจะลองๆสืบดูว่า งานหรือบริษัทที่เรากำลังจะไปทำเค้าเน้นทางด้านไหน บางที่เน้นโปรแกรมมิ่ง บางที่เน้นออกแบบ เน้นไอเดีย บางที่เน้นเท่ากัน ก็ลองเลือกดูนะว่าเราอยากทำงานที่เน้นไปทางด้านไหน ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเราเป็นหลัก
ก็ควรจะลองๆสืบดูว่า งานหรือบริษัทที่เรากำลังจะไปทำเค้าเน้นทางด้านไหน บางที่เน้นโปรแกรมมิ่ง บางที่เน้นออกแบบ เน้นไอเดีย บางที่เน้นเท่ากัน ก็ลองเลือกดูนะว่าเราอยากทำงานที่เน้นไปทางด้านไหน ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเราเป็นหลัก
Multimedia Designer / Web Graphic Designer / Interface Designer
สามคำข้างบนก็พอจะครอบคลุมได้พอสมควรแล้ว
จริงๆยังมีอีกเยอะลักษณะการทำงานก็แล้วแต่บริษัทที่เราจะไปสมัคร
คนที่ออกแบบทางสาย IT นี้จะไม่ค่อยมีผู้ช่วยแบบสายโฆษณา เราจะต้องปิดงานด้วยตัวเองในบางครั้ง อย่างเช่นถ้าเราทำ FLASH
เราก็ต้องปิดงานด้วยตัวเอง ไม่มี Artist มาปิดงานให้เรา
แบบสายงานโฆษณาคนที่จะทำงานสายนี้จะต้องมีความสามารถทั้งเรื่อง ภาพยนตร์ การทำอนิเมชั่น การตัดต่อเสียงและโปรแกรมมิ่ง
พี่ก็นำงานมาให้ดูเป็นแนวทางว่าน้องๆอยากเลือกเรียนอะไร
เอกไหนเรียนทำงานออกมาเป็นแนวไหน
จริงๆยังมีอีกเยอะลักษณะการทำงานก็แล้วแต่บริษัทที่เราจะไปสมัคร
คนที่ออกแบบทางสาย IT นี้จะไม่ค่อยมีผู้ช่วยแบบสายโฆษณา เราจะต้องปิดงานด้วยตัวเองในบางครั้ง อย่างเช่นถ้าเราทำ FLASH
เราก็ต้องปิดงานด้วยตัวเอง ไม่มี Artist มาปิดงานให้เรา
แบบสายงานโฆษณาคนที่จะทำงานสายนี้จะต้องมีความสามารถทั้งเรื่อง ภาพยนตร์ การทำอนิเมชั่น การตัดต่อเสียงและโปรแกรมมิ่ง
พี่ก็นำงานมาให้ดูเป็นแนวทางว่าน้องๆอยากเลือกเรียนอะไร
เอกไหนเรียนทำงานออกมาเป็นแนวไหน
ตัวอย่างงาน เอกคอมพิวเตอร์กราฟิค
ตัวอย่างงานเอก คอมพิวเตอร์กราฟิคและโฆษณา
ตัวอย่างเอก โทรทัศน์และดิจิตอลมีเดย
สุดท้ายที่พี่จะบอกก็คืออยากให้น้องๆทุกคนมีความตั้งใจในทุกสิ่งที่ค่ะเพื่อการศึกษาต่อไป ถ้าหากเป็นสิ่งที่เราชอบจริงๆเราก็ควรทำมันให้เต็มที่ค่ะสำหรับน้องๆที่กำลังจะสอบก็เตรียมตัวมาดีดี แล้วก็ขอให้ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของคณะนี้นะคะ